พร้อมทดสอบวัดระดับฟรี
47386 VIEWS | 5 MINS READ Friday 20 / 11 / 2020
อ่านหัวข้อแล้วมีใครที่สามารถจำแนกทั้ง 5 ประเภทได้บ้างคะ ค่อนข้างยากเหมือนกันใช่ไหม เพราะเราอาจห่างหายกับหลักไวยากรณ์พื้นฐานที่เคยเรียนสมัยเด็ก ๆ วันนี้ Globish จึงอยากชวนทุกคนมาปัดฝุ่น ทบทวนความรู้ที่เคยรู้แต่อาจลืมไปบ้างกัน โดยครั้งนี้เรามาพร้อมตัวอย่างประโยคและคำอธิบาย #แบบรวบรัด ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจได้ง่าย ๆ เลยค่ะ
Transitive Verbs คือ คำกริยาที่ต้องมีกรรมมารองรับเสมอ ทั้งนี้เป็นเพราะหากไม่มีกรรมรองรับ จะทำให้ประโยคไม่สมบูรณ์ค่ะ เช่น eat (กิน) , catch (จับ), call (โทร), buy (ซื้อ), discover (ค้นพบ)
ตัวอย่างประโยค
John gave the gift to his brother.
(จอห์น เกฟ เดอะ กิฟต์ ทู ฮิส บราเธอร์)
จอห์นมอบของขวัญให้น้องชายของเขา
‘gave’ คือคำกริยาและ ‘gift’ คือกรรม
I love you as much as Romeo loved Juliet.
(ไอ เลิฟ ยู แอส มัช แอส โรมีโอ เลิฟด จูเลียต)
ฉันรักเธอเท่ากับที่โรมีโอรักจูเลียต
‘love’ คือคำกริยาและ ‘you’ คือกรรม
Intransitive Verbs คือ คำกริยาที่ไม่ต้องการกรรมมารองรับ เพราะประโยคสมบูรณ์แล้วสามารถใช้สื่อสารได้เลย
ตัวอย่างประโยค
I walk with my friends.
(ไอ วอล์ค วิธ มาย เฟรนส)
ฉันเดินกับเพื่อนๆ
‘walk’ คือคำกริยาและในประโยคนี้ไม่มีกรรม
He has been singing all day.
(ฮี แฮส บีน ซิงกิง ออล เด)
เขาร้องเพลงมาทั้งวัน
‘sing’ คือคำกริยาและในประโยคนี้ไม่มีกรรม
Linking Verbs คือ คำกริยาที่ใช้เชื่อม คำนาม (Noun) + คำคุณศัพท์ (Adjective) เพื่อแสดงสภาวะหรือสภาพ ซึ่ง Linking Verbs ที่เรารู้จักกันดีก็คือ Verb to be แต่ความจริงแล้วยังมีอีกหลายคำที่ฝรั่งใช้บ่อย แต่คนไทยไม่ค่อยหยิบมาพูด เช่น seem (ดูเหมือน), sound (ฟังดู), smell (ส่งกลิ่น)
ตัวอย่างประโยค
Coffee smells awesome.
(คอฟฟี สเมลส ออซัม)
กาแฟส่งกลิ่นหอมสุดยอด
‘smells’ คือคำกริยา ‘Coffee’ คือคำนาม ‘awesome’ คือคำคุณศัพท์
You look exhausted after studying all night.
(ยู ลุค อิกซอสเถ่ด อาฟเตอร์ สทั้ดดีอิง ออล ไน๊ท)
เธอดูเหน็ดเหนื่อย หลังจากอ่านหนังสือทั้งคืน
‘look’ คือคำกริยา ‘You’ คือคำสรรพนาม ‘exhausted’ คือคำคุณศัพท์
Primary Auxiliary Verbs 8nv คำกริยาช่วยที่สามารถใช้แทนหรือใช้คู่กับกริยาแท้ก็ได้
ได้แก่ Verb to be, Verb to do และ Verb to have
ตัวอย่างประโยค
I was there last night.
(ไอ วอส แธร์ ลาส ไนท์)
ฉันอยู่ที่นั่นเมื่อคืน
I was talking to my brother yesterday.
(ไอ วอส ทอล์กกิง ทู มาย บราเธอร์ เยสเทอร์เด)
ฉันคุยกับน้องชายเมื่อวานนี้
‘was’ ในประโยคแรกเป็นคำกริยาแท้
‘was’ ในประโยคที่สองเป็นกริยาช่วย
He has something to do.
(ฮี แฮส ซัมทิง ทู ดู)
เขามีสิ่งที่ต้องทำ หรือ มีธุระต้องทำ
It has been raining for over an hour now.
(อิท แฮส บีน เรนนิ่ง ฟอ โอเวอร์ แอ่น อาวร์ นาว)
ตอนนี้ฝนตกมานานกว่าชั่วโมงแล้ว
‘has’ ในประโยคแรกเป็นคำกริยาแท้
‘has’ ในประโยคที่สองเป็นกริยาช่วย
Modal Auxiliary Verbs คือ คำกริยาช่วยที่มีความหมายในตัวเอง ทั้งหมดมีดังนี้ can, could, shall, should, will, would, may, might, must, ought to, used to, need และ dare
Tips: Modal Verbs ไม่ต้องเติม s ไม่ว่าประธานคืออะไร และ หลัง Modal Verbs ต้องตามด้วยกริยารูปเดิม (Infinitive Verbs) นั่นคือกริยาที่ไม่ผันและไม่ต้องทำเป็นพหูพจน์
ตัวอย่างประโยค
She used to work for a large insurance company.
(ชี ยูส ทู เวิรก ฟอ อะ ลารจ อิชัวเรินซ คัมพะนี)
เธอเคยทำงานในบริษัทประกันภัยขนาดใหญ่
‘used to’ คือกริยาช่วย ขณะที่ ‘work’ คือกริยาแท้
I’m worried that it may start raining soon.
(แอม วอริด แธท อิท เม สตาร์ท เรนนิ่ง ซูน)
ฉันกังวลว่าฝนจะเริ่มตกในอีกไม่นาน
‘may’ คือกริยาช่วย ขณะที่ ‘start’ คือกริยาแท้
อยากพูดอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว มั่นใจ และเป็นธรรมชาติ คุณเองก็พัฒนาได้ที่ Globish สถาบันสอนภาษาอังกฤษออนไลน์ พิสูจน์แล้วจากผู้เรียนกว่า 10,000 คน ว่าพูดได้จริง ไม่ใช่แค่ท่องจำ ลงทะเบียนรับคำปรึกษาการเรียนได้ที่ https://bit.ly/3kMU7DA