อธิบาย Pronoun ทั้ง 8 ประเภท แบบย่อยง่าย นำไปใช้ได้ทันที

269672 VIEWS | 10 MINS READ Monday 15 / 11 / 2021


อธิบาย ❝ Pronoun ❞ ทั้ง 8 ประเภท

แบบย่อยง่าย นำไปใช้ได้ทันที

 

เวลาจะพูดภาษาอังกฤษให้โฟลว์ Pronoun เป็นสิ่งที่มีประโยชน์มาก ๆ เพราะ Pronoun จะช่วยให้คุณไม่ต้องพูดคำซ้ำ ๆ แต่ Pronoun มีถึง 8 ประเภทเลยทีเดียว ทำให้หลาย ๆ ท่านอาจสับสนว่าควรใช้ยังไง ใช้ตอนไหนดี Globish เลยจะพาไปดู Pronoun แต่ละแบบแบบเจาะลึกกันไปเลย 

 

Pronoun คือคำสรรพนาม สามารถใช้แทนคำนาม เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้คำนามเดิม ๆ ซ้ำ ๆ อีกทั้งยังทำให้ประโยคกระชับ เข้าใจง่ายอีกด้วย เช่น

“แมวตัวนั้นกำลังกินปลา มันมีสีแดง” มัน ในประโยคก็คือ Pronoun ใช้แทน แมว ที่เป็น Noun หรือคำนามนั่นเองค่ะ

 

ถ้าอยากเก่งอังกฤษยิ่งขึ้นไปอีก สามารถดูวิธีการพัฒนาภาษาได้ที่ คลิก

 

5 ข้อต้อง "ข้าม" เมื่อเริ่มฝึกภาษาอังกฤษ

ภาษาอังกฤษผิดไม่รู้ตัว 12 ข้อผิดพลาดที่คนมักใช้ผิด

ฝึกจับใจความภาษาอังกฤษ ด้วยทฤษฎี GTM



Pronoun แบ่งออกเป็น 8 ประเภท

 

 

1) Personal Pronoun (สรรพนามแทนบุคคล)

Pronoun ที่ใช้แทนคน สัตว์ สิ่งของ สามารถแบ่งออกได้ตามตารางด้านล่าง

 

 

หลักการใช้ Personal Pronoun กลุ่มประธาน I, You, We, They, He, She, It

 

1. เป็นประธานของประโยค

เช่น

He’s the one who’s always on time.

เขาเป็นคนเดียวที่มาตรงเวลาเสมอ

 

She herself finished the whole job.

เขาทำงานทั้งหมดเสร็จด้วยตัวเอง

 

2. เป็นส่วนเติมเต็มของกริยา Verb to be

เช่น

It is I who chose the location.

ฉันเองที่เป็นคนเลอกสถานที่

 

Jane is taller than I.

เจนสูงกว่าฉัน

 

หลักการใช้ Personal Pronoun กลุ่มกรรม me, you, us, them, him, her, it

 

1. เป็นกรรมของกริยา (Verb)

เช่น 

My brother adopted a cat. He loved it at first sight.

พี่ชายของฉันรับอุปการะแมว เขารักมันตั้งแต่แรกเห็น

 

Here’s your pen, I took it by mistake.

นี่คือปากกาของคุณ ฉันหยิบติดไปโดยไม่ตั้งใจ

 

2. เป็นกรรมของบุพบท (Preposition)

เช่น

I want to travel with them because they know the nation well.

ฉันอยากไปเที่ยวกับพวกเขาเพราะเขารู้จักประเทศนี้เป็นอย่างดี

(them เป็นกรรมของ with ที่เป็นบุพบท)

 

The pilates class is best for her.

คลาสเรียนพิลาทิสนี้ดีสำหรับเธอมาก

(her เป็นกรรมของ for ที่เป็นบุพบท)

 

3. เป็นประธานของ infinitive (to + V.1)

เช่น

He allowed me to use his computer.

เขาอนุญาตให้ฉันใช้คอมพิวเตอร์ของเขาได้

 

Her laziness caused her to fail the class.

ความขี้เกียจของเธอทำให้เธอสอบตก

 

หลักการใช้ Personal Pronoun กลุ่มคำคุณศัพท์ (Adjective) my, your, our, their, his, her, its

 

1. วางไว้หน้าคำนาม เพราะ Pronoun ชนิดนี้ทำหน้าที่เป็น Adjective แสดงความเป็นเจ้าของ

เช่น

My car is bigger than her car.

รถของฉันใหญ่กว่ารถของเธอ

 

Annie put her books in the corner and I put mine on the table.

แอนนี่วางหนังสือของเธอไว้ที่มุมนั้น ส่วนฉันก็วางของฉันไว้บนโต๊ะ



2) Possessive Pronoun (สรรพนามเจ้าของ)

Pronoun ที่ใช้แทนคำนามเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ ได้แก่ 

 

 

หลักการใช้ Possessive Pronoun 

 

1. เป็นประธานของประโยค แต่ต้องมีการกล่าวถึงคำนั้นมาก่อนแล้ว

เช่น

Annie put her books in the corner and I put mine on the table.

แอนนี่วางหนังสือของเธอไว้ที่มุมนั้น ส่วนฉันก็วางของฉันไว้บนโต๊ะ

(mine คือ possessive pronoun ของคำว่า books)

 

Tom’s car gets 20 miles to the gallon, while mine gets 32.

รถของทอมวิ่งได้ 20 ไมล์ต่อน้ำมันในแกลลอน ในขณะที่ของฉันวิ่งได้ 32 ไมล์

(mine คือ possessive pronoun ของคำว่า car)

 

2. เป็นส่วนเติมเต็มของประโยค มักวางหลัง Verb to be

เช่น

I love your sofa. Mine isn’t as comfortable as yours.

ฉันรักโซฟาของเธอมากเลย ของฉันนั่งไม่สบายแบบของเธอ

 

Is this Tom’s bicycle? – No, that red one over there is hers.

นี่คือจักรยานของทอมใช่ไหม – ไม่ใช่ คันสีแดงที่อยู่ตรงนั้นเป็นของเขา

 

3. เน้นการแสดงความเป็นเจ้าของ โดยวางหลัง of

เช่น

I’m a friend of his.

ฉันเป็นเพื่อนของเขา

 

You’re a student of mine.

เขาเป็นนักเรียนของฉัน



3) Reflexive Pronoun (สรรพนามเน้นตัวเอง)

Pronoun ที่เน้นย้ำเกี่ยวกับตัวเอง สามารถเรียกอีกชื่อว่า Self-Form of Pronoun ได้แก่

 

 

หลักการใช้ Reflexive Pronoun 

 

1. วางหลังประธานหรือหลังประโยค เพื่อเน้นว่าประธานเป็นผู้ทำเอง

เช่น

She herself baked this cake yesterday.

เธอเป็นคนทำเค้กเองเลยนะ

 

I myself will do the work.

ฉันจะทำงานนี้ด้วยตัวเอง



2. วางหลังกริยา เพื่อเน้นว่าประธานเป็นผู้กระทำเอง

เช่น

Jane saw herself in the mirror.

เจนเห็นตัวเองในกระจก

 

He hurts himself.

เขาทำร้ายตัวเอง

 

3. วางหลังบุพบท (Preposition) เพื่อเป็นกรรมของบุพบท

เช่น

My mother wants some water for herself.

แม่ของฉันต้องการน้ำให้ตัวเองสักหน่อย

 

I always think of myself first.

ฉันมักจะคิดถึงตัวเองก่อนเสมอ

 

4. วางหลัง by เพื่อเน้นว่าประธานเป็นผู้กระทำเพียงลำพัง

เช่น

I will do it by myself.

ฉันจะทำงานนี้ด้วยตัวเอง

 

She went to school by herself.

เธอไปโรงเรียนด้วยตัวเอง



4) Definite Pronoun (สรรพนามชี้เฉพาะ)

Pronoun ที่ใช้แทนคำนามเพื่อเจาะจงว่าคนไหน สิ่งไหน อันไหน ได้แก่

 

 

หลักการใช้ Definite Pronoun 

**Definite Pronoun ทุกตัวสามารถเป็นได้ทั้งประธานและกรรมของประโยค**

 

1. This (นี้) แทนคำนามเอกพจน์ที่อยู่ใกล้ตัว

เช่น

This is our home.

นี่เป็นบ้านของพวกเรา

 

Let’s talk about this.

มาคุยเรื่องนี้กัน



2. These (เหล่านี้) แทนคำนามพหูพจน์ที่อยู่ใกล้ตัว

เช่น

These are for you.

ของพวกนี้เป็นของคุณ

 

Where do I put these?

ฉันวางของพวกนี้ไว้ตรงไหนดี

 

3. That (นั้น) แทนคำนามเอกพจน์ที่อยู่ไกลตัว

เช่น

That is good.

อันนั้นดีนะ

 

Why would he do that?

เขาทำอย่างนั้นทำไม

 

4. Those (เหล่านั้น) แทนคำนามพหูพจน์ที่อยู่ไกลตัว

เช่น

Those are my pets.

พวกนั้นคือสัตว์เลี้ยงของฉัน

 

I want those in my kitchen.

ฉันอยากได้ของพวกนั้นไว้ในห้องครัว

 

5. One (อันหนึ่ง) แทนคำนามเอกพจน์ที่กล่าวถึงเป็นครั้งที่ 2 

เช่น

There are two books on the desk. Which one is mine?

มีหนังสือสองเล่มวางอยู่บนโต๊ะ อันไหนเป็นของฉัน

 

We can’t go to Chiang Mai without a car. We should rent one.

เราไม่สามารถไปเชียงใหม่โดยที่ไม่มีรถได้ เราต้องเช่าคันนึงแล้วล่ะ

 

6. Ones (กลุ่มหนึ่ง) แทนคำนามพหูพจน์ที่กล่าวถึงเป็นครั้งที่ 2 

เช่น

You could see which restaurants were rated the highest on Wongnai, which ones certain reviewers liked, and so on.

คุณสามารถดูได้ว่าร้านอาหารร้านไหนได้คะแนนสูงสุดในวงใน ร้านไหนคนรีวิวชอบ หรือดูข้อมูลอย่างอื่นก็ได้

 

She said life was about choices, the ones we make well, the ones we don't.

เธอบอกว่าชีวิตคือการมีตัวเลือก มีทั้งที่เราเลือกตัวเลือกได้ดี และเลือกได้ไม่ดี



5) Indefinite Pronoun (สรรพนามไม่ชี้เฉพาะ)

Pronoun ที่ใช้แทนคำนามทั่วไป ไม่เจาะจงว่าคนไหน อันไหน สิ่งไหน  ได้แก่

 

 

หลักการใช้ Indefinite Pronoun 

 

1. เป็นประธานของประโยค

เช่น

"Anything you wanna talk about?" she asked.

อยากคุยเรื่องอะไรไหม เธอถาม

 

Assured that no one was there, she went to her room.

เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครอยู่ข้างใน เธอเลยเข้าไปในห้อง

 

2. เป็นกรรมของกริยา

เช่น

Until now she had been thinking of no one but herself.

ตั้งแต่นี้ไป เธอจะไม่คิดถึงคนอื่นนอกจากตัวเองแล้ว

 

I need someone to take care of my mom.

ฉันต้องการใครสักคนมาดูแลแม่ของฉัน



6) Interrogative Pronoun (สรรพนามคำถาม)

Pronoun ที่ใช้แทนคำนามในประโยคคำถาม  ได้แก่

 

 

**Pronoun ชนิดนี้ ห้ามมีคำนามตามหลัง ถ้ามีคำนามตามหลัง จะกลายเป็น Adjective clause** 
เช่น
Interrogative Pronoun ➜ Where do we go?  เราไปไหนกันดี
Adjective clause ➜ That device can track where you are at any time.  อุปกรณ์เครื่องนั้นสามารถระบุว่าคุณอยู่ที่ไหนได้ตลอดเวลา

 

หลักการใช้ Interrogative Pronoun 

 

1. Who (ใคร) ทำหน้าที่เป็นประธานในประโยคคำถาม เมื่อถามถึงบุคคล

เช่น

Who paid for dinner?

ใครจ่ายค่าอาหารเย็น

 

Who cares about Tom?

ใครจะไปสนใจทอม

 

2. Whom (ใคร) ทำหน้าที่เป็นกรรมในประโยค

เช่น

Whom will you send for?

คุณจะส่งหาใคร

(Whom เป็นกรรมของบุพบท for)

 

With whom am I speaking?

ฉันกำลังพูดอยู่กับใคร

(Whom เป็นกรรมของบุพบท with)

 

3. Whose (ของใคร) ทำหน้าที่เป็นประธานในประโยคคำถาม เมื่อถามถึงความเป็นเจ้าของ

เช่น

Whose is this bag?

กระเป๋าใบนี้เป็นของใคร

 

Whose team are you on?

คุณอยู่ทีมของใคร

 

4. What (อะไร) เป็นได้ทั้งประธานและกรรม

เช่น

What do you want?

คุณต้องการอะไร

 

What do I do?

ฉันจะทำยังไงดี

 

5. Which (อันไหน) เป็นได้ทั้งประธานและกรรม ใช้ถามถึงสัตว์และสิ่งของเท่านั้น

เช่น

Which is more important?

อันไหนสำคัญกว่ากัน

 

Which is my bag?

กระเป๋าของฉันใบไหน



7) Relative Pronoun (สรรพนามเชื่อมความ)

Pronoun ที่เอาไว้ใช้ขยายประธานหรือกรรมในประโยคให้ละเอียดมากขึ้น ซึ่งส่วนขยายนี้เรียกว่า Adjective clause หรือ Relative clause ได้แก่

 

 

หลักการใช้ Relative Pronoun 

 

1. Relative Pronoun ที่ต้องตามด้วย Verb ได้แก่ Who (ผู้ซึ่ง), Which (อันซึ่ง), That (อันซึ่ง)

**Which ห้ามใช้ขยายคนเด็ดขาด**

เช่น

The boy who sat beside him was his son.

เด็กผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างเขาคือลูกชายของเขาเอง

 

We have no idea which direction they headed.

เรายังไม่รู้เลยว่าพวกเขาไปทางไหน

 

I asked her about my book that she took yesterday.

ฉันถามหาหนังสือของฉันที่เธอเอาไปเมื่อวาน



2. Relative Pronoun ที่ต้องตามด้วย Noun ได้แก่ Whose (ซึ่ง...ของ), Of which (อันซึ่ง)

เช่น

I buy the eggs from a farmer whose chickens roam free.

ฉันซื้อไข่มาจากเกษตรกรที่ไก่ของเขาเลี้ยงแบบปล่อย

 

She ate three ice creams, of which her favorite flavor was orange.

เธอกินไอศกรีมซึ่งรถโปรดของเธอคือรสส้ม

 

3. Relative Pronoun ที่ต้องตามด้วย Subject + Verb ได้แก่ What (ผู้ซึ่ง), Whom (ซึ่ง...ของ)

เช่น

I can't imagine what he was thinking to hide a thing like that from you.

ฉันนึกไม่ออกจริง ๆ ว่าอะไรทำให้เขาคิดว่าเขาสามารถซ่อนเรื่องแบบนั้นจากคุณได้

 

The man whom you met on Saturday is coming to dinner.

ผู้ชายคนที่คุณเจอเมื่อวันเสาร์จะมาทานข้าวเย็น



8) Distributive Pronoun (สรรพนามแบ่งแยก)

Pronoun สรรพนามที่ใช้แทนคำนาม เพื่อเป็นการแจกแจงหรือหรือแยกแยะสิ่งที่กล่าวออกมาเป็นคนๆ อันๆ ชิ้นๆ ได้แก่

 

 

เช่น

You better not tell either of them.

คุณไม่บอกสองคนนั้นจะดีกว่า

 

Jatujak Park was half way between their two houses, so it is easy to walk from each.

สวนจตุจักรอยู่ตรงกลางระหว่างบ้าน 2 หลัง เลยเดินมาง่ายมากจากบ้านแต่ละหลัง

 

เรียนภาษาอังกฤษเพิ่มความโปร พูดโฟลว์ได้อย่างมั่นใจ ได้ที่ Globish คอร์สเรียนภาษาอังกฤษที่ดีที่สุดสำหรับวัยทำงาน พิสูจน์แล้วจากผู้เรียนกว่า 10,000 คน ว่าพูดได้จริง ไม่ใช่แค่ท่องจำ

วัดระดับภาษาอังกฤษ คลิก 

 

ค้นหาคอร์สที่เหมาะกับคุณ
พร้อมทดสอบวัดระดับฟรี


   หรือ    โทรเลย 02-026-6683

บทความที่แนะนำ


วัยทำงาน

สรุปวิธีการใช้ If clause #แบบกระชับ #เข้าใจง่าย

วัยทำงาน

รวม 25 Phrasal verb ที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน

วัยทำงาน

สรุปวิธีการใช้ Present Perfect ฉบับรวบรัด