รวมบทความเกี่ยวกับเรียนภาษาอังกฤษเพื่อการทำงาน
การเขียน Essay ภาษาอังกฤษมีหลากหลายแบบมากมาย ซึ่งแต่ละแบบก็ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ที่ต้องการเขียนค่ะ โดย Layout หรือโครงสร้างพื้นฐานของ Essay มักจะประกอบด้วยส่วนที่สำคัญเหมือน ๆ กัน นั่นก็คือ Introduction, Body และ Conclusion แต่สิ่งที่ต่างกันคือวัตถุประสงค์และประโยค คำศัพท์ที่ใช้นั่นเองค่ะ วันนี้ Globish จะพาไปเจาะ 4 Essay ยอดนิยมที่ไม่ว่าจะเรียนหรือทำงาน ก็มักมีโอกาสได้เขียน พร้อมทั้งประโยคที่ควรใช้ และทริคที่ต้องรู้ค่ะ ซึ่ง Essay ทั้งสี่ประกอบไปด้วย 1) Problem - Solution Essay 2) Opinion Essay 3) Agree or Disagree Essay 4) Argumentative Essay
เคยได้ยินไหมคะ? ถ้าอยากพูดภาษาอังกฤษแบบเป็นธรรมชาติ ต้องรู้จักใช้ Phrasal Verb ให้ชิน แต่ Phrasal Verb คืออะไร ต่างจาก Verb ปกติอย่างไร มีตัวไหนที่ได้เจอและได้ใช้บ่อย ๆ วันนี้ Globish จะพาไปหาคำตอบค่ะ ทั้ง Phrasal Verb และ Verb คือ คำกริยาที่ใช้บอกการกระทำ โดยสามารถแบ่งได้หลากหลายประเภท แต่สิ่งที่ต่างกันนั่นก็คือ Phrasal Verb เกิดจากการรวมกันของ Verb + Adverb หรือ Preposition เกิดเป็นกริยาวลี และทำให้ Verb ตัวนั้นเกิดความหมายใหม่
If clause (ประโยคเงื่อนไข) คือ ประโยคที่ผู้พูดสมมติว่าถ้ามีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น จะมีผลหรือเหตุการณ์อื่นๆ เกิดขึ้นตามมา ซึ่ง if clause ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นเงื่อนไข ขึ้นต้นด้วย If และ Main clause ส่วนประโยคหลักที่เป็นผลมาจากเงื่อนไข If clause
เคยไหมคะ? ทุกครั้งที่ต้องเขียนอีเมล จะเจอกับปัญหาไม่รู้จะเขียนยังไงดี และอีกปัญหาที่พบบ่อยคือ การเลือกคำขึ้นต้นหรือลงท้ายประโยคไม่ถูก บางท่านอาจจะเลือกใส่คำที่ตัวเองคุ้นชิน และใช้เป็นประจำลงท้ายอีเมลอยู่เสมอ อย่างเช่นคำว่า Best regards แปลว่า ด้วยความเคารพ ซึ่งเป็นคำลงท้ายที่ค่อนข้างเป็นทางการมาก ๆ ถ้าหากใช้ Best regards ลงท้ายอีเมลที่เป็นทางการหรืองานธุรกิจ ก็ถือว่าโอเคเลยค่ะ แต่ในทางกลับกัน ถ้าลงท้ายในอีเมลไม่เป็นทางการ หรือส่งหาคนสนิท ก็จะดูแปลกและไม่เข้ากับสถานการณ์นั่นเองค่ะ นอกจากคำลงท้ายประโยคที่ต้องใส่ใจแล้ว คำขึ้นต้นก็ละเลยไม่ได้เช่นเดียวกัน เพราะต้องเลือกให้เข้ากับคำลงท้าย และเข้ากับสถานการณ์ด้วยค่ะ วันนี้ Globish จึงได้รวบรวมมาทั้งคำขึ้นต้นและคำลงท้าย E-mail มาให้ทุกท่านเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสมค่ะ แต่ก่อนอื่นเลย เราไปแยกประเภทของอีเมลกันก่อน ว่าอันไหนเป็นอีเมลทางการและอีเมลไม่เป็นทางการค่ะ
การแนะนำตัวภาษาอังกฤษ เป็นวิธีการสร้างความประทับใจที่ง่ายที่สุด และทำให้คนจดจำเราได้ตั้งแต่แรกพบ เพราะฉะนั้น ถ้าหากมีแพทเทิร์นในการแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษของตัวเองได้ก็จะยิ่งดีมาก ๆ และถ้ายิ่งได้ฝึกพูดแนะนำตัวภาษาอังกฤษอย่างสม่ำเสมอ ก็จะยิ่งพูดคล่อง และมั่นใจค่ะ เมื่อเจอกับเพื่อนร่วมงานหรือเพื่อนต่างชาติใหม่ ๆ ก็จะพูดได้เลย โดยที่ไม่ต้องคิดนาน การแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ นั่นก็คือ การแนะนำตัวแบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ ซึ่งสามารถนำไปใช้ได้ในสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น สัมภาษณ์งาน, Presentation หรือการไปเที่ยวแล้วพบเจอคนใหม่ ๆ ก็สามารถใช้ได้เช่นกัน ซึ่งนอกจาก Globish จะมาแนะนำวิธีการและประโยคแล้ว ยังมีตัวอย่างการแนะนำตัวภาษาอังกฤษให้ทุกท่านนำไปใช้ได้เลยอีกด้วยค่ะ
ถ้าหากถามหนุ่มสาววัยทำงานด้วยคำถามอย่าง “คุณเคยสมัครงาน แล้วถูกปฏิเสธกลับมาไหม?” เชื่อว่า 90% ต้องตอบว่าเคยอย่างแน่นอนค่ะ และทุก ๆ ครั้งที่โดนปฏิเสธ สิ่งที่จะทำในทันทีก็คือ การแก้ไข Resume หรือ Cover Letter เผื่อว่าจะไปเตะตาบริษัทใหม่ โดยไม่ได้นึกถึงมุมมองหรือสิ่งที่ได้จากการถูกปฏิเสธเลย และสิ่งเหล่านี้ ทำให้คุณเสียโอกาสที่จะได้เรียนรู้ เติบโต เพื่อเปลี่ยนความล้มเหลวค่ะ แต่หลาย ๆ ท่านอาจจะยังนึกไม่ออกว่ามุมมองดี ๆ ที่ว่าเป็นแบบไหน วันนี้ Globish จะมาเล่าให้ฟัง
แน่นอนว่าในโลกนี้ มีโมเดลและระบบในการจัดเทรนนิ่งมากมายที่ถูกนำมาใช้ แต่มีอันหนึ่งที่น่าสนใจ และสำคัญไม่แพ้ใคร คือ ADDIE training model ค่ะ เจ้าโมเดลตัวนี้ได้รับการไว้วางใจจากผู้ออกแบบการเรียนการสอนทั่วโลก ให้เป็นตัวช่วยในการออกแบบหลักสูตร และกิจกรรมต่าง ๆ ให้เหมาะกับผู้เรียน เรียกว่าได้มีประโยชน์ต่อวงการการศึกษาเลยทีเดียว แต่นอกจากจุดเด่นในด้านนี้แล้ว ยังสามารถนำมาปรับใช้ภายในองค์กรได้อีกด้วยนะคะ เริ่มอยากรู้แล้วใช่ไหมคะว่าทำอย่างไร วันนี้ Globish จะพาไปรู้จักกับ ADDIE model อย่างลึกซึ้ง และตัวอย่างการนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อองค์กรของคุณค่ะ